[STA5] Properties of Probability
คุณสมบัติของความน่าจะเป็น
Last updated
Was this helpful?
คุณสมบัติของความน่าจะเป็น
Last updated
Was this helpful?
ความน่าจะเป็นนั้นมีคุณสมบัติคร่าวๆ อยู่ 5 ข้อ นั่นก็คือ:
ความน่าจะเป็นของเหตุการณ์ A จะมีค่าเป็น 0 - 1 ()
ถ้าการทดลองสุ่มมี Sample Space จะได้
ความน่าจะเป็นของ คือ 0
ถ้า A และ B เป็นเหตุการณ์ที่เกิดร่วมกันไม่ได้ ความน่าจะเป็นที่เหตุการณ์ A หรือ B จะเกิด คือ
ถ้า เป็นเหตุการณ์ที่ไม่มีคู่ใดมีผลลัพธ์ร่วมกัน (Mutually Exclusive เป็นคู่ๆ) จะได้ว่า
เดี๋ยวจะอธิบายให้ฟังทีละข้อ
ข้อที่ 1: ถ้าเราจำได้จากเรื่องของเหตุการณ์ เราบอกว่า (เซตของเหตุการณ์ A จะเป็นซับเซตของ Sample Space) ใช่มะ?
นั่นแปลว่า เสมอ
แล้วเมื่อเราเอา ก็จะเป็นการเอา "เลขน้อย" หารด้วย "เลขมาก" ทำให้ เสมอ
อธิบายเพิ่มเติม: เนื่องจากจำนวนสมาชิกของเหตุการณ์จะมีช่วงอยู่บน และจำนวนสมาชิกของ Sample Space มีค่าเป็น จึงสามารถกล่าวได้ว่า นั่นก็คือ
ข้อที่ 2: ข้อนี้จะแสดงให้เราเห็นสองเรื่อง
ข้อที่ 3: อ่ะแน่นอน ความน่าจะเป็นของสิ่งที่จะเกิดขึ้นไม่ได้ก็ต้องเป็น 0
ข้อที่ 4 และ 5: สองข้อนี้เหมือนกันเลย แค่เป็นสองตัวกับหลายตัว
แต่ก่อนที่เราจะไปทำความเข้าใจคุณสมบัติสองข้อนี้ เราจะต้องทำความเข้าใจเรื่องหนึ่งก่อน — สมมติว่าเรามี 3 เหตุการณ์ดังนี้:
กำหนดเหตุการณ์ A เป็นเหตุการณ์ที่โยนลูกเต๋าได้หน้า 1, 2, 3
กำหนดเหตุการณ์ B เป็นเหตุการณ์ที่โยนลูกเต๋าได้หน้า 4, 5, 6
กำหนดเหตุการณ์ C เป็นเหตุการณ์ที่โยนลูกเต๋าได้หน้า 1, 3, 5
เราจะเห็นว่า เหตุการณ์ A กับ C เนี่ย สามารถเกิดขึ้นพร้อมกันได้ แต่เหตุการณ์ A กับ B เนี่ย ยังไงก็ไม่มีทางที่จะเกิดขึ้นพร้อมๆ กันได้ (เพราะแต้มจะเป็นต่ำและสูงพร้อมกันไม่ได้ ถูกมะ?)
ดังนั้น: เราจึงบอกว่า เหตุการณ์ A และ B เป็น "เหตุการณ์ที่เกิดร่วมกันไม่ได้ (Mutually Exclusive)" ตามชื่อ ตรงตัวเลย
อ่ะกลับมาที่คุณสมบัติ
สมมติเราบอกว่า เราอยากรู้ว่าเหตุการณ์ A กับ B (ที่ยกตัวอย่างไปตะกี๊) รวมกันแล้ว จะมีโอกาสเกิดขึ้นได้เท่าไร
ปกติแล้ว เราต้องพิจารณาว่า A กับ B ว่ามีผลลัพธ์อะไรร่วมกันหรือไม่ แล้วเอาความน่าจะเป็นในส่วนที่ทับซ้อนกันมาลบออกจากการบวก (ซึ่งตรงนี้จะเป็นเรื่องของกฎความน่าจะเป็น เดี๋ยวเราค่อยไปดูกันหลังจากอันนี้) ซึ่งถ้าหากว่าเหตุการณ์ทั้งสองอย่าง Mutually Exclusive แล้ว นั่นก็แสดงว่าไม่มีผลลัพธ์ของเหตุการณ์ทับซ้อนกัน ก็เลยสามารถเอามาบวกกันได้ตรงๆ เลย (และสำหรับกรณีที่มีหลายตัวก็จะเป็นเหมือนกัน) ก็เลยเป็นที่มาของคุณสมบัติข้อนี้นี่เอง
นี่ก็คือคุณสมบัติของความน่าจะเป็นคร่าวๆ 5 ข้อที่ต้องรู้ไว้ เราไปดูเรื่องสุดท้ายของหัวข้อนี้เลยดีกว่านั่นก็คือ…
ในกรณีที่มี 3 เหตุการณ์ เราขยายสูตรได้เป็น
เราอาจจะเอ๊? ทำไมสูตรของเรื่องเซตถึงมาอยู่ที่นี่ได้?
ตามที่เราเคยบอกไปว่า "เหตุการณ์" มันก็เป็นเซตๆ หนึ่งเหมือนกัน ดังนั้น เราเลยสามารถเอาการดำเนินการของเซตมาใช้กับความน่าจะเป็นของเหตุการณ์ได้
เดี๋ยวเราลองไปดูโจทย์ที่ใช้สมบัตินี้ดีกว่า…
ปัญหา 1: จากการเก็บข้อมูลของร้านขายเครื่องเขียนแห่งหนึ่ง จากลูกค้าทั้งหมด 100% พบว่าลูกค้าจะซื้อดินสอ 70% ซื้อยางลบ 50% ซื้อดินสอและยางลบ 40% จงหาความน่าจะเป็นที่ลูกค้าจะซื้อดินสอ_หรือ_ยางลบ
จากปัญหานี้เราจะเจอคำแปลกๆ 2 คำคือคำว่า "และ" กับคำว่า "หรือ" ให้ชวนงง
คำว่า "…และ…": จะหมายถึงต้องมีทั้ง 2 อย่าง (ซื้อทั้งดินสอและยางลบไปเป็นแพ็คคู่)
คำว่า "…หรือ…": จะหมายถึงต้องมีอย่างใดอย่างหนึ่งและจะมีทั้งคู่ก็ได้ (ดินสออย่างเดียว ยางลบอย่างเดียว หรือทั้งคู่ก็ได้)
ข้อควรระวัง: คำว่า "…หรือ…" อาจจะหมายถึงกรณีเฉพาะของอย่างใดอย่างหนึ่ง (แบบไม่เอาคู่) ก็ได้ ในกรณีนั้นอาจจะมีการใช้คำอื่นๆ เข้ามาประกอบคำว่า "หรือ" เช่น ใช้เป็นคำว่า "…หรือ…อย่างใดอย่างหนึ่ง" — โดยทั่วไปแล้ว ถ้าไม่มีคำแปลกๆ อยู่ ก็ให้สรุปไปเลยว่าเป็นแบบ "อย่างใดอย่างหนึ่งและทั้งคู่รวมกันด้วย"
หลายๆ คนก็น่าจะแบบ
"ก็ดินสอ 70% ยางลบ 50% ไง? ก็จะต้องตอบว่า 50% + 70% = … เอ๊ะ!?"
ใช่แล้ว การที่บอกว่าซื้อดินสอ 70% ไม่ได้หมายความว่า 70% นี้จะเป็นดินสออย่างเดียว อาจจะรวมยอดที่มียางลบอยู่ด้วยก็ได้ (แต่เพราะว่ามันมีดินสอไง ก็เลยนับด้วย)
ดังนั้น ข้อนี้จึงต้องเอา "ดินสอ + ยางลบ - ดินสอและยางลบ (เอาส่วนเกินจากการบวกออก)" ก็จะได้คำตอบที่ถูกต้อง
นั่นคือ 70% + 50% - 40% = 80% หรือก็คือลูกค้าจะซื้อดินสอหรือยางลบด้วยความน่าจะเป็น 0.8
ดังนั้น: ความน่าจะเป็นที่ลูกค้าจะซื้อดินสอหรือยางลบคือ 0.8
หมายเหตุ: ความน่าจะเป็นจะเป็นเลขจำนวนจริงระหว่าง 0 - 1 แต่เราสามารถเขียนเป็นเปอร์เซ็นต์ก็ได้โดยการนำ "ความน่าจะเป็น × 100"
จากโจทย์ข้างต้น ก็น่าจะช่วยให้กระจ่างเรื่องกฎแรกแล้วเนอะ ทั้งนี้ในกรณีแบบ 3 ตัว หรือหลายๆ ตัวก็จะเหมือนๆ กัน สามารถอ้างอิงจากสูตรของเรื่องการรวมเซตได้เลย 👍
เราไปดูอีกกฎที่สำคัญกันดีกว่า นั่นก็คือ…
กฎข้อนี้ ไม่ต้องอธิบายมาก ง่ายๆ เลยคือ "สิ่งที่จะไม่เกิด = 1 - สิ่งที่จะเกิด" — เช่น
ปัญหา 1: เหรียญถ่วงน้ำหนัก 1 เหรียญมีโอกาสออกหัวด้วยความน่าจะเป็น 0.4 จงหาว่าเหรียญถ่วงน้ำหนักนี้จะออกก้อยด้วยความน่าจะเป็นเท่าไร**
คือเรารู้ไงว่าเหรียญมันมีแค่ 2 หน้าถูกมะ เราเลยบอกได้ว่า "เฮ้ย เมื่อโยนเหรียญถ่วงน้ำหนักนี้แล้วมันจะออกก้อยด้วยความน่าจะเป็น '1 - หัว'"
นั่นก็คือ 1 - 0.4 = 0.6 นั่นเอง
ดังนั้น: เหรียญถ่วงน้ำหนักนี้จะออกก้อยด้วยความน่าจะเป็น 0.6
ตรงไปตรงมาและเข้าใจง่ายใช่มะข้อนี้ 😄 ตอนนี้ก็จบเรื่องความน่าจะเป็น_เบื้องต้น_กันแล้ว เดี๋ยวเราไปดูสรุปกันตามเช่นเคยดีกว่า
คุณสมบัติ
กฎ
ใน EP นี้เราก็ได้เรียนรู้วิธีการหาความน่าจะเป็นแบบคร่าวๆ ง่ายๆ กันไปแล้วเนอะ ในคราวหน้าเราจะมาพูดถึง "ความน่าจะเป็นแบบมีเงื่อนไข" และวิธีการคำนวณกัน อย่าลืมติดตามกันด้วยน้า สวัสดีครับ 🥰
เรื่องแรกคือ ถ้าเหตุการณ์เป็นเหตุการณ์ที่มีผลลัพธ์ทั้งหมดเกิดขึ้น ความน่าจะเป็นที่ได้จะเป็น 1 (ก็คือ ) เช่น โยนลูกเต๋าแล้วจะออกหน้าที่มีตัวเลขระหว่าง 1 - 6 ก็ต้องตอบว่าเกิดขึ้นแน่นอน เพราะเลขบนหน้าลูกเต๋ามันคือ 1 - 6 ถูกมะ?
เรื่องที่สองคือ ถ้าเอาเหตุการณ์ที่แบ่งไปจาก Sample Space มารวมกัน จะต้องได้ 1 () เช่น โยนลูกเต๋า 1 ลูก โอกาสออกแต่ละหน้าก็จะมีโอกาสเป็น เท่ากัน พอเราเอาความน่าจะเป็นของแต่ละหน้าตั้งแต่ 1 - 6 มารวมกันก็จะได้ 1 (ก็คือ )
กฎที่ 1: ถ้า กับ เป็นเหตุการณ์ใดๆ ความน่าจะเป็นที่อย่างน้อย 1 เหตุการณ์ใน 2 เหตุการณ์จะเกิดขึ้น คือ
ทีนี้ สิ่งที่กฎข้อแรกบอกก็คือ เราจะเอาความน่าจะเป็นของสองเหตุการณ์มาบวกกันง่ายๆ ไม่ได้ เพราะถ้าสมมติว่าเหตุการณ์อันหนึ่งนั้นให้ผลลัพธ์บางตัวทับซ้อนกับเหตุการณ์อีกอันหนึ่ง คำตอบที่ได้จะมากเกินความเป็นจริง (ก็คือมันจะผิดนั่นแหละ) ดังนั้นเราต้องเอาส่วนที่ทับซ้อนกันออก (ก็คือตัว นั่นแหละ) คำตอบถึงจะถูกต้อง
กฎที่ 2: ถ้า เป็นเหตุการณ์ใดๆ ความน่าจะเป็นที่เหตุการณ์ จะไม่เกิดขึ้น คือ
ความน่าจะเป็นจะเป็นเลข 0-1 ()
ความน่าจะเป็นในแต่ละเหตุการณ์รวมกันจะได้ 1 ()
ความน่าจะเป็นของเซตว่างคือ 0 ()
( เรียกว่า Mutually Exclusive)
ท่องว่า "นอก - ใน"